-
ประวัติ
เทพเจ้าเฉิงหวงเหย่ (เจ้าพ่อหลักเมือง)
คำว่า “ เฉิงหวง ” หรือ “ หลักเมือง ” ปรากฏเป็นครั้งแรกในคัมภีร์อี้จิง (The Book of Changes) ซึ่งหมายถึงกำแพงเมืองและคูเมืองนั่นเอง ในเวลาต่อมาคำว่าหลักเมือง จึง หมายถึงสิ่งที่ช่วยพิทักษ์รักษาเมืองในรูปของธรรมชาติ และได้รับการยกย่องให้เป็น “ เจ้าพ่อหลักเมือง ” แสดงให้เห็นว่าชาวจีนเริ่มมีจิตศรัทธาต่ออำนาจของเจ้าพ่อหลักเมืองมาแต่โบราณกาลเมื่อถึงสมัยราชวงศ์ถาง มีการสร้างศาลหลักเมืองอย่างแพร่หลาย จวบจนมาถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง ทางราชสำนัก ได้ให้ความสำคัญกับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นอย่างยิ่ง มีการพระราชทานแผ่นป้ายคำขวัญที่แขวนไว้เหนือประตูศาล มีการพระราชทานยศถาบรรดาศักดิ์ให้แก่เจ้าหลักเมือง รวมทั้งมีการยกย่องผู้ที่สละชีพในหน้าที่ หรือผู้ที่สละชีพเพื่อชาติให้เป็นเจ้าพ่อหลักเมืองด้วย ในสมัยราชวงศ์ชิงก็ได้สืบทอดสิ่งเหล่านี้เรื่อยมา โดยเชื่อว่าเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นเทพเจ้าผู้พิทักษ์รักษาบ้านเมือง และคุ้มครองประชาราษฎร์ สถานราชการท้องถิ่นทุกแห่งล้วนมีการสร้างศาลหลักเมืองขึ้น มีพระราชโองการให้ข้าราชการที่จะไปดำรงตำแหน่งขุนนางท้องถิ่นนั้น ต้องทำการเสี่ยงทายฤกษ์ยามเสียก่อน จากนั้นจึงทำพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนณ ศาลเจ้าหลักเมือง แล้วจึงเริ่มปฏิบัติงาน และต้องไปจุดธูปสักการะบูชาพร้อมทั้งกราบ 3 ครั้ง ซึ่งถือเป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อหน้าเจ้าพ่อหลักเมืองในทุก ๆ วันที่ 1 และ 15 ตามปฏิทินทางจันทรคติของจีน
กล่าวกันว่า เจ้าพ่อหลักเมืองมีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่มาก ไม่ว่าจะเป็นการขอฝน การขอให้ฝนหยุด การขอโชควาสนา หรือการขอให้ขจัดปัดเป่าภัยพิบัติ เป็นต้น ล้วนแต่ต้องไปวอนขอต่อเจ้าพ่อหลักเมืองทั้งสิ้น มาถึงสมัยราชวงศ์ชิง ประชาชนยังเชื่ออีกว่าเจ้าพ่อหลักเมืองเป็นขุนนางยมโลกด้วย เป็นผู้ประสานติดต่อสวรรค์และนรก เป็นผู้ดูแลมนุษย์โลก และฝ่ายทะเบียนยมโลก ปูนบำเหน็จรางวัลแก่ผู้ทำความดีและลงโทษคนทำชั่ว โดยทั่วไปแล้วภายในศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ยังมีเทพผู้พิทักษ์ฝ่ายบุ๋น และฝ่ายบู๊ ขุนนางหกกระทรวง ยมฑูตหัววัว ยมฑูตหัวม้า ขุนพลฟ่านเซี่ย แม่ทัพประจำด่านทั้งสามสิบหก และภูตธรณีทั้งเจ็ดสิบสอง เป็นต้น